วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เลือกถุงมือยางคุณภาพให้เหมาะกับงาน


ถุงมือยาง

           หจก. เอ ทู เอส ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางหลากหลายชนิด เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ โดยมีหลากหลายประเภท ดังนี้ 
  • ถุงมือยางแท้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ถุงมือยางแท้แบบมีแป้งและถุงมือยางแท้แบบไม่มีแป้ง ซึ่งแบบมีแป้ง นิยมใช้กันมากในโรงพยาบาล คลินิกทั่วไป ส่วนแบบไม่มีแป้งนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม 
  • ถุงมือยางไนโตร สามารถใช้หยิบจับและสัมผัสอาหาร น้ำมันหล่อลื่น สารเคมีแบบเจือจางได้ ซึ่งถุงมือชนิดนี้เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับอาหาร อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิค อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ห้องทดลองหรือห้องแล็บ เป็นต้น
  • ถุงมือยางสีส้ม หรือ ถุงมือยางแม่บ้าน เป็นถุงมือที่ผลิตจากยางธรรมชาติ สามารถใช้หยิบจับอาหารได้ มีความยืดหยุ่น สวมใส่สบาย และที่สำคัญมีความทนทานต่อการใช้งาน ถุงมือยางแม่บ้านเป็นที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากหาซื้อได้ง่าย ราคาประหยัดและยังสามารถใช้ในงานที่เกี่ยวกับอาหาร-เครื่องดื่มได้ 

สนใจสอบถามข้อมูลโทร 089-825-8231 หรือคลิ๊ก http://www.a2sproduct.com


วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การเตรียมและการปฏิบัติตนหลังสลายนิ่ว

การสลายนิ่วด้วยวิธีการใช้พลังงานความถี่ของคลื่นเสียง เพื่อไปกระแทกกับก้อนนิ่วที่อยู่ในไตให้ร้าว แตกหลุดล่วงมาพร้อมกับน้ำปัสสาวะ ไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการผ่าตัด ลมยาสลม ซึ่งระหว่างการรักษาด้วยขั้นตอนนี้ผู้ป่วยจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องนอกที่โรงพยาบาล สามารถกลับไปนอนพักฟื้นได้ที่บ้าน

การเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการสลายนิ่ว
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย
  • เข้ารับการรักษาตามที่แพทย์นัดอย่างต่อเนื่อง เพราะบางคนการสลายนิ่วอาจจำเป็นต้องทำการรักษาอยู่หลายครั้ง เนื่องจากโอกาสที่จะสลายนิ่วได้สำเร็วจมีอยู่ประมาณ 85 %
  • นอนในท่าที่ถนัด หรือในตำแหน่งของนิ่วที่เป็นอยู่
  • แพทย์ทำการตรวจหาตำแหน่งของก้อนนิ่วด้วยการเอ็กซเรย์ หากก้อนนิ้วมีขนาดใหญ่กว่า 2 เซ็นติเมตรควรรักษาด้วยวิธีการอื่น
การปฏิบัติตนหลังการรักษาการสลายนิ่ว
  • รับประทานยาตามที่แพทย์ได้จัดเตรียมมาให้อย่างต่อเนื่องจนยาหมด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำให้มาก ประมาณ 8 แก้วต่อวันเป็นอย่างน้อย ซึ่งผู้ป่วยที่พึ่งผ่านการสลายนิ่วมาควรดื่มให้มากกว่าปกติ
  • หากเกิดอาการแทรกซ้อนเช่น มีไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที
  • สังเกตอาการต่างๆ หรือปัสสาวะว่ามีเศษนิ่วหลุดออกมาหรือไม่

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ใช้ผ้าปิดจมูกป้องกันภูมิแพ้ในเด็ก

              โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย และการพบเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น อาจเกิดจากหลายๆ สาเหตุ เช่น สมาชิกในครอบครัวเป็นภูมิแพ้, สภาพแวดล้อม, มลพิษในอากาศที่มากขึ้นในปัจจุบัน เป็นต้น ซึ่งก็มีการปลูกฝักเด็กๆ ให้มีการดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภูมิเบื้องต้นอย่างการใช้ผ้าปิดจมูก, การหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นควัน เป็นต้น ในปัจจุบันได้มีการรักษาโรคภูมิแพ้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำการรักษาได้ตามอาการและระดับความรุนแรงของโรค ดังนี้
  1. เริ่มจากการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์รักษาเด็ก และเด็กอาจจะมาด้วยอาการหูน้ำหนวก ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
  2. แพทย์จะรีบวินิจฉัยโรคโดยเร็วเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน
  3. ข้อสังเกตสำหรับเด็กที่แพ้อาหารอาจจะมาด้วยเรื่องคัดจมูกน้ำมูกไหล
  4. การใช้ยาพ่นชนิด steroid เรื้อรังอาจจะทำให้การเจริญเติบโตช้าลง
  5. สิ่งที่ต้องกำจัดคือ สิ่งแวดล้อมที่คิดว่าจะทำให้เกิดอากาศแพ้
             การใช้ผ้าปิดจมูกเพื่อป้องกัน ฝุ่นละอองหรือมลพิษทางอากาศอื่นๆ ขณะที่อยู่ข้างนอกเป็นการป้องกันไม่ให้ภูมิแพ้กำเริบแล้วจะทำให้เกิดการจาม มีน้ำมูกไหลตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามหากสามารถเลี่ยงสถานที่ที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้จะดีมาก และเพื่อให้อาการไม่กำเริบมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงสถานที่และควรปฏิบัติตนดังนี้
  • สิ่งแวดล้อมนอกบ้านได้แก่ เกษรดอกไม้ รานอกบ้าน ควรใช้ผ้าปิดจมูกเพื่อป้องกันเบื้องต้นได้
  • สิ่งแวดล้อมในบ้าน ไรฝุ่น แมลงสาบ จัดห้องให้ปลอดฝุ่น สัตว์เลี้ยง
  • สิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน
  • การรักษาโดยการใช้ยา
  • การรักษาโดยการฉีดสารภูมิแพ้ Immunotherapy (desensitization)

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคที่ผู้หญิงควรรู้

คุณผู้หญิงทั้งหลายควรรับรู้ถึงโรคภัยใกล้ตัวมักเกิดขึ้นทุกโอกาสที่มีความเสี่ยง เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงนั้นสั้นกว่าผู้ชายจึงเปิดโอกาสให้เชื้อโรคสามารถเข้าไปแพร่เชื่อได้เร็วและดีกว่า แต่ใช้ว่าผู้ชายจะเป็นไม่ได้ เพียงแต่มีเปอร์เซ็นน้อยกว่าผู้หญิงก็เท่านั้นเอง ซึ่งความเสี่ยงที่จะเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีดังนี้
  • ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งในแต่ละวันควรดื่มน้ำอย่างน้อยห้ามต่ำกว่า 8 แก้วต่อวัน
  • ใช้ห้องน้ำสาธารณที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
  • ผู้ที่สวนสายปัสสาวะ
  • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคไต
  • การมีเพศสัมพันธ์
โดยกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะมีอาการ ปวดบริเวณท้องน้อย เจ็บหรือปวดขณะขับปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด กลั้นปัสสาวะ ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น มีสีขุ่น มีเลือดปนมากับน้ำปัสสาวะ

ซึ่งการวินิจฉัยจากทางการแพทย์จะเป็นการตรวจหาค่าเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเชื้อโรคในน้ำปัสสาวะ

แนวทางการรักษาและบรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบคือ
  • ควรดื่มน้ำให้มากๆ 
  • ไม่กลั้นปัสสาวะ
  • รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง และเข้ารับการตรวจร่างกายตามนัดทุกครั้ง