วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อาการนอนกรน

         จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณมีอาการนอนกรน(สำหรับคนที่นอนคนเดียว) เรามีเทคนิดการวิธีการสังเกตุอาการเบื้องต้นมาฝากดังนี้
  • รู้สึกอ่อนเพลีย หรือนอนไม่พอ
  • หลังจากตื่นนอนแล้วรู้สึกว่าไม่สดชื่น
  • ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา
         ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเป็นเพียงภาวะเริ่มต้น คุณควรรีบเข้ารักษาอาการหรือตรวจเช็คอาการเสี่ยงได้ที่คลินิกนอนกรน เพราะอาการนอนกรนมีภาวะเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นควรตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการที่เกิดขึ้น(ไม่ใช่มีเพียงผู้ที่มีน้ำหนักตัว หรือไขมันมากเท่านั้น แต่ความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกายเองก็เป้นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้คุณเกิดอาการนอนกรนได้ เช่น บริเวณจมูก ปาก ช่องาก ต่อมน้ำลาย) หรือสำรวจลักษณะท่านอนที่ผิดบุคลกภาพ และการใช้อุปกรณ์การแพทย์ในคลินิกนอนกรน ได้แก่ การเอ็กซเรย์ , การตรวจวัดคลื่นสมอง, การเต้นของจังหวะหัวใจ และระดับออกซิเจนที่มีในเลือด เป็นต้น

วิธีการปฏิบัติเพื่อรักษาอาการนอนกรนเบื้องต้น

  1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนเวลานอน 3 ชั่วโมง
  2. ศีรษะในท่านอนควรยกสูงจากแนวราบ 3 นิ้ว
  3. ท่านอนที่ช่วยลดเสียงกรนได้มากที่สุดคือนอนตะแคง
  4. รู้จักควรคุมการรับประทานอาหาร เพราะส่วนใหญ่แล้วอาการนอนกรนมักเกิดขึ้นกับคนที่เป็นโรคอ้วน
  5. ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ การเต้นของหัวใจ และการทำงานของปอดเป็นปกติ

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สารต้านอนุมูลอิสระกับความงาม

           สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) เป็นสารประกอบที่สามารถป้องกันหรือชะลอกระบวนการการสร้างอนุมูลอิสระที่สร้างความเสียหายภายในร่างกาย เช่น การย่อยสลายโปรตีนและไขมันจากอาหาร มลพิษทางอากาศ การสูดดมควันบุหรี่ รังสียูวีจากแสงแดด เป็นต้น ทำให้ร่างกายเราอ่อนแอลง เจ็บป่วยง่าย และอาจทำให้เกิดโรคร้ายแรงเช่นโรคมะเร็งได้ รวมไปถึงปัญหาความงาม เช่น ผิวพรรณหมองคล้ำเสีย ซึ่งเราสามารถลดอัตราการเกิดอนุมูลอิสระได้ด้วยการรับสารที่มส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระจากสารอาหารประเภทต่างๆ ซึ่งมีหลายชนิด แต่ในที่นี้จะแนะนำสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ 3 ชนิด ซึ่งล้วนเป็นสารที่ช่วยแก้ปัญหาด้านความงามที่เชื่อว่าทุกคนต้องคุ้นหูอย่างแน่นอน
           วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานร่วมกับวิตามินอีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen)ในชั้นผิว ทำให้ชั้นผิวได้รับการซ่อมแซมและบำรุงอย่างเต็มที่ ทำให้ผิวพรรณกระชับ เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย ผิวหยาบกร้าน ผิวพรรณดูขาวสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
           กลูต้าไธโอน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นได้เอง แต่ในปัจจุบันมีการใช้กลูต้าโอนแบบรับประทานและกลูต้าไธโอนแบบฉีด เข้ามามีบทบาทในการทำให้ผิวขาวอย่างรวดเร็ว เพราะมีหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสที่เป็นเหมือน “วัตถุดิบ” ในการผลิตเมลามินชนิดที่ทำให้ผิวคล้ำขึ้น
           โคเอนไซม์คิวเท็น เป็นสารอีกหนึ่งชนิดที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญในการเกิดกระบวนการเผาผลาญพลังงาน(metabolism) ของกล้ามเนื้อ สารชนิดนี้จึงสารที่จำเป็นต่อร่างกายมากที่สุดอีกสารหนึ่ง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ผลิตได้โดยตับเมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวงานกลางคืนอย่างไรให้ปลอดภัย

            สถานบรรเทิงสามารถจัดขึ้นได้ทุกช่วงเวลา นั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยวว่าที่จัดขึ้นเพื่ออะไร เพราะปัจจุบันถือได้ว่าเทศกาลท่องเที่ยวทั้งช่วงวัยรุ่น หนุ่มสาว หรือวัยกลางคนมีหลากหลายช่องทาง เช่นการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้พักผ่อนไปพร้อมกับความสนุกสนาน สามัคคีของหมู่คณะ การเดินทางไปยังศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้าเพื่อจับจ่ายใช้สอยก็ถือได้ว่าเป็นการผ่อนคลายความเครียดได้เช่นเดียวกัน(เว้นเสียแต่ว่าใช้จ่ายมากเกินไปอาจทำให้เครียดหนักกว่าเดิม) เป็นต้น แต่มีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยที่เดียว เลือกเที่ยวงานกลางคืนเพื่อพบปะ พูดคุยกับเพื่อฝูง และต้องมีเรื่องแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ดังนั้นจึงหนีไม่พ้นเรื่องอันตรายรอบตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ผู้ที่ท่องราตรีจึงต้องรู้จักวิธีการหลบหลี หลี้ภัยที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
  • สถานที่จัดงานกลางคืนต้องมีช่องทางหนีไป และมีป้ายระบุไว้อย่างชัดเจน เผื่อเกิดเหตุสุดวิสัย
  • มีระบบรักษาความปลอดภัย และจำกัดอายุผู้มีสิทธิเข้าสถานบรรเทิงอย่างเคร่งครัด
  • บริเวณที่ตั้งมีการคมนาคมสะดวก และปลอดภัย
  • ไม่ต้องดื่มแอลกอฮอล์จนเมา ไม่ได้สติ เอาแค่พอจิบๆ เพื่อสร้างสังคมก็พอ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อมีดื่มแอลกอฮอล์จะทำอะไรก็ขาดสติไปสะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การพูด การคิด บางคนถึงกับร้องไห้ หรือหลับคาโต๊ะเลยก็มี
  • ต้องมีเพื่อนสนิทหรือคนรู้ใจติดตามไปเป็นเพื่อนร่วมท่องงานกลางคืนด้วยเสมอ

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รู้ทันภัยก่อนบริโภคอาหาร



สารไดออกซินกับอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร


           ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตอาหารกำลังตื่นตัวในการนำนวัตกรรมฟู้ดเกรดมาใช้ในกระบวนการการผลิตอาหาร เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยได้นำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ในการหล่อลื่นเครื่องจักรกลที่ใช้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหาร เรียกว่า Food Grade Lubricant หรือสารหล่อลื่นฟู้ดเกรด สารหล่อลื่นประเภทนี้ถูกนำมาใช้แทนสารหล่อลื่นแบบทั่วไป ซึ่งก่อให้เกิดสารไดออกซิน (Dioxin) ไปปนเปื้อนในอาหาร เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

          สารไดออกซินเป็นสารที่พบได้ในยาปราบศัตรูพืชบางชนิด หรือตามบริเวณที่มีการทำลายขยะพวกสารเคมี สารไดออกซินมีคุณสมบัติที่คงตัวได้ดีในดิน ไม่ย่อยสลายเมื่อผ่านความร้อน ไม่ละลายน้ำ แต่ละลายได้ดีในไขมัน  สามารถสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตได้ ดังนั้นอันตรายที่เกิดขึ้นจากสารไดออกซิน จะขึ้นอยู่กับปริมาณที่ร่างกายได้รับ คือ หากได้รับในปริมาณที่น้อย ก็ไม่ส่งผลต่อร่างกาย แต่ถ้าได้รับสารชนิดนี้อย่างรวดเร็วและในปริมาณที่มาก อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนัง ตับอักเสบ หายใจลำบาก และยิ่งถ้าหากได้รับสารชนิดนี้นานๆ ก็อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งระบบทางเดินอาหารและมะเร็งระบบกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังทำให้ทารกในครรภ์พิการหรือเกิดการแท้งบุตรของหญิงมีครรภ์ได้ 

          ดังนั้นการใช้ Food Grade Lubricant จึงเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผลิตอาหารต้องคำนึงถึงเสมอ

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กลูต้าไธโอนแบบฉีด | กลูต้าไม่ใช่สารพิษ



          สองคำนิยามหลักที่คนไทยปัจจุบันมักจะนิยามคุณสมบัติของ “กลูต้าไธโอน” คือ “อันตราย” และ “ใช้ฉีดผิวให้ขาว” ซึ่งสองคำนิยามนี้ แท้จริงแล้วออกจะเป็นความคิดแบบเหมารวมอยู่สักหน่อย

           ซึ่งทางสถาบันการแพทย์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสารกลูตาไธโอนว่า จริงๆแล้วสารกลูตาไธโอนเป็นสารแอนติออกซิเดนซ์ หรือสารที่ต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ที่ถูกเก็บไว้ที่ตับสารกลูต้าโธโอนนี้มีอยู่ในอาหารประเภทโปรตีน รวมถึงผลไม้จำพวกอะโวคาโด ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระในร่างกายซึ่งมีผลต่อความสมดุลของร่างกาย และยังกำจัดของเสียและล้างพิษภายในร่างกาย ทำให้ตับทำงานน้อยลง ดังนั้นยาที่มีส่วนประกอบของสารกลูต้าไธโอนจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย 

          แต่เนื่องจากการได้รับสารกลูต้าไธโฮนด้วยการรับประทาน ทำให้ร่างกายรับสารชนิดนี้น้อยกว่าการใช้กลูต้าไธโอนแบบฉีดเข้าสู่เส้นเลือด ทำให้คนไทยนิยมการฉีดสารชนิดนี้เข้าสู่เส้นเลือดมากกว่า  ซึ่งการใช้กลูต้าไธโอนแบบฉีดก็ว่าเป็นการรักษาแบบไม่ค่อยจะถูกวิธีอยู่แล้ว และยิ่งใช้รักษาฝ้าหรือเพิ่มความขาว ก็ยิ่งถือว่าเป็นการรักษาที่ผิดวัตถุประสงค์และเกินความจำเป็น เพราะกลูต้าไทโอนเพียงแต่ช่วยเปลี่ยนยูเมลานินซึ่งเป็นสีผิวที่คล้ำให้กลายเป็นฟีโอเมลานิน ซึ่งทำให้สีผิวที่คล้ำ ดำเสีย ดูจางขึ้นหรือขาวขึ้น แต่ก็ได้ผลเพียงไม่นาน เนื่องจากฤทธิ์ของกลูต้าไธโอนแบบฉีดจะมีอายุเพียง 4-6 เดือนเท่านั้น ซึ่งจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับเซลล์เม็ดสีผิวของแต่ละคน